เจาะ5ประเด็น โอเล่ กุนที่นาร์ โซลชา ยังคงได้ไปต่อหลังนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เฉือนหวิว บียาร์เรอัล 2-1
เจาะ5ประเด็น โอเล่ กุนที่นาร์ โซลชา ยังคงได้ไปต่อหลังนำ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เฉือนหวิว บียาร์เรอัล 2-1 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอฟ เมื่อวันพุธ “ปีศาจแดง” เล่นไม่ค่อยดีนักในครึ่งแรก
โดยเฉพาะตัวบุกปีกขวาที่โดนจู่โจมอย่างมาก ในขณะที่ดินแดนกึ่งกลางก็ไม่สามารถครอบครองบอลได้เลย สวนทางกับ “เรือดำน้ำสีเหลือง” ที่สร้างโอกาสได้หลายหนแม้กระนั้นเจ้าของบ้านจำต้องขอบพระคุณ ดาบิด เด เคอา ที่โชว์ซูเปอร์เซฟเป็นว่าเล่น
ขณะที่ครึ่งหลัง ดีโอโก้ ดาโลต์ ยังคงเป็นบ่อน้ำมันคุณภาพดีให้ทีมเยือนเจาะเล่น และก็พวกเขาก็มาได้ประตูจากการขึ้นเกมทางด้านนี้ แต่โชคดีที่ อเล็กซ์ เตลลิส ยิงตีเสมอได้สุดสวย แล้วก็การปรับหมากด้วยการส่ง เจสซี่ ลินการ์ด กับ เฟร็ด
ลงในสนามนำไปสู่การได้ประตูชัยตอนนาทีสุดท้ายทดเจ็บจากการยิงของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตัวบุกปีกขวาบ่อน้ำมันชั้นดี การที่แมนฯยูไนเต็ด ขาด อารอน วาน-บิสซาก้า เพราะติดโทษแบนหลังได้รับใบแดงในเกมแรก
ทำให้ โซลชาจำต้องใช้งาน ดีโอโก้ ดาโลต์ ซึ่งแมตช์นี้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นที่พึ่งพาไม่ได้เลยบียาร์เรอัล มองเห็นข้อบกพร่องในพื้นที่ฝั่งขวาของแมนฯยูไนเต็ด ตั้งแต่ตอนต้นเกมรวมทั้งจัดการโจมตีทางฝั่งนั้นตลอด
โดยฟูลแบ็กชาวโปรตุกีส ไม่สามารถยับยั้งเกมรุกทางฝั่งซ้ายของทีมเยือนได้เลย ในความเป็นจริงแล้ว “เยลโล่ซับมารีน” ได้โอกาสที่จะจบสกอร์ได้หลายต่อหลายทีจากการโจมตีทางตัวบุกปีกขวาแมนฯ ยูฯ แต่โชคร้ายที่พวกเขาขาดความเฉียบคม
เวลาเดียวกันก็ต้องชม ดาบิด เด เคอา ที่โชว์หนึบหลายครั้ง เจาะ5ประเด็น ครึ่งหลังพอบียาร์เรอัล เจาะทาง ดาโลต์ แล้วได้ประตู ต่อจากนั้นพวกเขาดันหันมาเล่นเกมรับมากไปหน่อย ทำให้โอกาสสำหรับเพื่อการจู่โจมอย่างต่อเนื่องจำต้องขาดต้อนไป
ในที่สุดด้วยการที่เล่นเกมรับมาตลอดส่งผลต่อสภาพร่างกายรวมทั้งต้องมาพบทีเด็ด โรนัลโด้ แต่สิ่งที่ โซลชา จะต้องขบคิดก็คือในแมตช์ดวล อตาลันต้า ทีมยังจำต้องใช้งาน ดาโลต์ ต่อเนื่องจาก วาน-บิสซาก้า ยังติดโทษแบนอีก 1 แมตช์
และก็ด้วยผลงานในเกมนี้ คงจะทำให้คู่แข่งมองเห็นแนวทางการเจาะเข้าไปทำประตูของ “ผีแดง” ได้ง่ายๆ เด เคอา เหมาะสมสำหรับตำแหน่งมือ 1 ตอนกลางฤดูกาลก่อนหน้านี้ คงจะมีแฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
หลายคนที่เรียกร้องให้ดร็อป ดาบิด เด เคอา และก็ให้โอกาสให้ ดีน เฮนเดอร์สัน ลงในสนาม เพราะไม่ค่อยปลื้มผลงานของนายด่านเคราแพะที่บกพร่องเป็นประจำแต่ว่าเดี๋ยวนี้เค้าเหล่านั้นอาจทราบดีแล้วว่าใครคือโกลที่สมควรเป็นมือ 1 ของทีม !!
“มิสเตอร์ดีน” อาจจะดูหวือหวามีจังหวะเซฟเด็ดๆให้มองเห็นหลายครั้งในตอนก่อนหน้าที่ผ่านมา แต่ถ้าเกิดใครที่เป็นสาวก “เร้ด อาร์มี่” พันธุ์แท้น่าจะรู้ว่าจังหวะอย่างงั้น เด เคอา เคยบอกให้เห็นมาแล้วเป็นร้อยครั้ง
แถมจังหวะยากก็นั้นก็มีให้มองเห็นอยู่เป็นประจำ สำหรับแมตช์นี้จำเป็นต้องบอกเลยว่าสามคะแนนที่แมนฯยูไนเต็ด ได้รับ จำต้องขอบพระคุณความสุดยอดของ นายด่านชาวสแปนิช ที่โชว์ซูเปอร์เซฟเป็นว่าเล่นอีกทั้งในครึ่งแรก
รวมทั้งช่วงหลัง พูดง่ายเซฟจนถึงปวดมือ ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์ของทีมอาจจะย่ำแย่มากกว่านี้อีกหลายเท่า ฟอร์มการป้องกันที่สุดยอดในเกมนี้คงจะเป็นเครื่องการันตีให้เด็กผีได้เห็นว่า เด เคอา ยังคงเป็นยอดโกลดังเดิม แม้ว่าจะมีตอนผลงานดร็อปไปบ้าง
เจาะ5ประเด็น แต่ท้ายที่สุดทีมยังคงจะต้องพึ่งพาเขา ส่วน เฮนเดอร์สัน สิ่งที่ทำก็คือ “ทำใจ” ไปเล่นเกมฟุตบอลถ้วยในประเทศ ซึ่งก็เหลือแค่ เอฟเอ คัพ เท่านั้น เกมสวนกลับบียาร์เรอัล ทรงประสิทธิภาพ อูไน เอเมรี่ วางแท็กติกสู้กับแมนฯยูไนเต็ด บ้านบอล
ดาบิด เด เคอา ที่โชว์ซูเปอร์เซฟเป็นว่าเล่น
เจาะ5ประเด็น ด้วยสไตล์ที่ถนัดก็คือตั้งรับเหนียวแน่นและรอจังหวะสวนกลับ ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ในครึ่งแรกพวกเขาทำผลงานได้เหนือกว่าเจ้าบ้านด้วยซ้ำ และมีโอกาสทำประตูหลายครั้ง การที่บียาร์เรอัล สร้างโอกาสได้มากมายมาจากการเล่นด้วยความใจเย็น ฟิตทันบู๊แตน
และรอให้ “เร้ด เดวิลส์” ขึ้นเกมพลาดก่อนจะตัดบอลและเปิดเร็วให้ผู้เล่นทางฝั่งซ้ายโดยทั้ง อัลเบร์โต้ โมเรโน่ และ อาเนาท์ ดานยูม่า จัดการ ดาโลต์ ได้ตลอด ทำให้ทีมมีโอกาสหลุดเข้าไปลุ้นทำประตูได้เรื่อยๆ จะว่าไปแล้วหากลูกทีมของ เอเมรี่
มีความเฉียบคมในการยิงประตูมากกว่านี้ เชื่อได้เลยว่าตัวเลขบนสกอร์บอร์ดคงไม่ใช่ 0-0 ในช่วง 45 นาทีแรกแน่นอน แต่กระนั้นแท็กติกของทีมเยือนต้องบอกได้เลยว่าใช้ได้ผลดีแท้กับ แมนฯ ยูฯ ที่เล่นได้สะเปะสะปะ ขาดรูปแบบที่ชัดเจน
น่าเสียดายในช่วงครึ่งหลังที่ เอเมรี่ ปรับหมากให้ลูกทีมพยายามเน้นเกมรับมากขึ้นกว่าเดิมเนื่องจากทีมได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ทำให้ “ปีศาจแดง” มีพื้นที่โจมตีมากยิ่งขึ้น จนในที่สุดก็ต้องมาเสียประตูอย่างที่เห็น ต้องยอมรับว่าในช่วง 20 นาทีสุดท้าย
บียาร์เรอัลจ่ายบอลผิดพลาดหลายครั้งและเกือบโดนยิงประตูหลายหน สาเหตุที่เป็นแบบนี้อาจจะเกิดจากสภาพร่างกายที่อ่อนล้าเนื่องจากตั้งเล่นตั้งรับตลอดทั้งเกม ที่สำคัญโอกาสในการสวนกลับก็น้อยลงเพราะทีมหันมารับเต็มตัวมากเกินไป
หากพูดกันแบบแฟร์ๆ เกมนี้ บียาร์เรอัลควรได้ 1 แต้มกลับบ้านจากผลงานที่ยอดเยี่ยม แต่บางครั้งเกมลูกหนังก็ไม่ได้ยุติธรรมเสมอไป !!! โรนัลโด้ เซฟ โซลชา คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยังคงเป็นฮีโร่กู้วิกฤติให้ แมนฯยูไนเต็ดได้เสมอ
ในเกมนี้แม้ว่าเขาจะดูเงียบๆ หงอยๆ ไปบ้าง แต่ด้วยความเป็นนักเตะระดับโลกขอแค่จังหวะเดียวเน้นๆ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ทันที จะว่าไปแล้ว “ซีอาร์ 7” เล่นไม่ออกจริงๆ ในเกมนี้เมื่อโดนแนวรับสุดแกร่งอย่าง ราอูล อัลบิโอล กับ เปา ตอร์เรส
เล่นงานจนอยู่หมัด ต้องยอมรับเลยว่าทั้งสองคนทำให้ โรนัลโด้ เจองานยากลำบากในการหลุดเข้าไปทำประตู จริงๆ แล้วการส่ง เอดินสัน คาวานี่ ลงสนามทำให้เกมบุกของ แมนฯ ยูฯ ดูมีชีวิตชีวามากขึ้้น การวิ่งไล่บอลแบบไม่มีหยุด, พยายามหาช่องเข้าทำ
และไล่บี้แย่งบอลจากคู่แข่ง ทั้งหมดนี้ “เอล มาทาดอร์” แสดงให้เห็นสาวก “ผีแดง” ได้เห็นว่าเขายังแกร่งแม้อายุมากแล้วก็ตาม
การตัดสินใจส่ง เจสซี่ ลินการ์ด ลงสนามแน่นอนว่าแฟนบอลเจ้าบ้านเข้าใจได้ เจาะ5ประเด็น แต่การส่ง เฟร็ด ลงมาเล่นแบ็กซ้าย
คงมีหลายคนเกาหัวเพราะงงกับแท็กติกโซลชา แต่จังหวะประตูชัยของ โรนัลโด้ ก็เริ่มจากการเปิดบอลของ ดาวเตะชาวบราซิเลียน ฉะนั้นจุดนี้ต้องยกเครดิตให้กับ “น้าลูกอม” เต็มๆ ทั้งนี้ โรนัลโด้ ในวัย 36 ปีกับ 236 วัน
กลายเป็นนักเตะที่อายุมากที่สุดอันดับที่ 2 ของแมนฯยูไนเต็ด ที่สามารถยิงประตูในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรปได้ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต่อจาก ไบรอัน ร็อบสัน (36 ปีกับ 282 วัน) ที่ทำได้ในเกมกับ กาลาตาซาราย เมื่อปี 1993 คุณภาพนักเตะจะเซฟโซลชาได้อีกกี่นัด
สามคะแนนที่ดูหอมหวานและน่าดีใจสำหรับสาวก “เร้ด อาร์มี่” มันแฝงไปด้วยคำถามที่ว่าชัยชนะมาจากแท็กติก และการแก้เกมของ โซลชา หรือเกิดขึ้นเพราะคุณภาพของนักเตะที่มีอยู่ในทีม หลายคนอาจจะมองว่าหาก “น้าลูกอม”
ไม่ปรับหมากใส่ผู้เล่นเกมรุกลงสนามในช่วง 20 นาทีสุดท้าย ชัยชนะคงไม่บังเกิดแน่นอน ต้องยกความดีความชอบให้กับ โซลชา ที่กล้าได้กล้าเสียไม่ขี้ขลาดเหมือนเกมที่แล้ว อย่างไรก็ตามหากมองภาพรวมในแมตช์นี้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าแท็กติกของ โซลชา
สู้ เอเมรี่ ไม่ได้เลย เกมของแมนฯ ยูฯ เป็นรอง บียาร์เรอัลตลอด 45 นาทีแรก และเกือบโดนยิงไม่รู้กี่ครั้งกี่หน ขณะที่ช่วงต้นครึ่งหลังก็เป๋ไปเป๋มาจวนเจียนจะโดน จนสุดท้ายก็โดนจนได้ หลังจากที่เสียประตู แมนฯยูไนเต็ดเดินเครื่องเต็มสูบ
แต่ก็เหมือนเตะบอลอัดกำแพงจนกระทั่งมาได้ประตูจากลูกตั้งเตะ บอกตามตรงหากไม่ได้ลูกฟรีคิกโอกาสเข้าทำแบบโอเพ่นเพลย์ของ “ผีแดง” ไม่มีให้เห็นด้วยซ้ำ เกมนี้ต้องบอกว่า เอเมรี่ ทำทุกอย่างได้ดีเยี่ยมตามแท็กติกที่วางเอาไว้
เจาะ5ประเด็น แต่ขาดแค่ประสิทธิภาพในการจบสกอร์ ส่วน โซลชา สิ่งที่ต้องยอมรับก็คือที่แมนฯ ยูฯ ได้สามคะแนนต้องขอบคุณคุณภาพของผู้เล่น โดยเฉพาะ โรนัลโด้ ที่ยังคงคมกริบในยามวิกฤติเสมอ ! https://www.fireantzhockey.com/